ความประทับใจ การรับธรรมมะ ณ มูลนิธิธรรมกิจไพศาล
ก่อนอื่นเลย
เมื่อเข้าไปในการรับธรรมมะเราจะต้องเรียกตัวเราเองว่า”ผู้น้อย”
และเรียกผู้อื่นว่า”ผู้อาวุโส”
ข้าพเจ้าขออนุญาตเรียกตัวเองว่า”ผู้น้อย”ในการเรียบเรียงความประทับใจในการรับธรรมมะ
เนื่องจากในครั้งแรกที่ผู้น้อยได้ไปที่มูลนิธิ
ผู้น้อยรีบไปมากจึงไปถึงที่มูลนิธิประมานตี5ครึ่งยังไม่6โมงดี
ผู้น้อยและเพื่อนๆได้ไปกดกริ่งเพราะว่าประตูมูลนิธิยังไม่เปิด
เนื่องจากยังจัดเตรียมสถานที่ไม่เสร็จดี ทางมูลนิธิก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยการจัดแจงเตรียมเครื่องดื่มและขนมปังรองท้องให้ผู้น้อยและเพื่อนๆได้ทานกัน
เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนมาพร้อมกันแล้วก่อนที่จะขึ้นไปรับธรรมมะ
ทางมูลนิธิได้ให้พวกเราเรียงแถวเพื่อลงทะเบียนและมีผ้าเย็นมาเช็ดมือ(คิดในใจ
จะสะอาดอะไรขนาดนี้..) เมื่อทำการลงทะเบียนเสร็จเราก็ได้ทานของว่างอีกก๊อก2
อิ่มมากกกขอบอก เมื่อถึงเวลาที่เข้าพิธีธรรมมะสิ่งแรกที่ผู้น้อยคิดคือ
สถานที่ทำพิธีดูแปลก ผู้น้อยไม่เคยเห็นการทำพิธีแบบนี้มาก่อน
และเมื่อเริ่มทำพิธีก็ยิ่งประหลาดใจเพราะพิธีรับธรรมมะแบบนี้ผู้น้อยไม่เคยได้ทำมาจากที่ไหนเลย
ทั้งการไหว้ กับคำนับ หรือคำกล่าวรับธรรมมะ
การรับธรรมมะในครั้งแรกเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้น้อยเป็นอย่างมาก
เมื่อทำพิธีการเสร็จผู้น้อยก็ได้ทานอาหารมังสวิรัติ
คือข้าวหมูแดงเจ เป็นอาหารที่ถูกปากสำหรับผู้น้อยมาก
คนอื่นอาจจะไม่ชอบแต่ผู้น้อยชอบมากฟั๊ดไป2จาน พอทานเสร็จก็มีแจกแอปเปิ้ลกันก่อนกลับและไปรับบัตรรับธรรมมะ
ตอนกลับทางมูลนิธิก็จัดรถตู้ไปส่งผู้น้อยและเพื่อนๆ
เป็นการรับธรรมมะครั้งแรกที่ผู้น้อยประทับใจมาก J
การมาเยือนมูลนิธิกิจไพศาลครั้งที่2 ผู้น้อยมาทำการอบรมธรรมชั้นธรรมกระจ่าง
ครั้งนี้การต้อนรับจากมูลนิธิก็ยังต้อนรับได้ดีเหมือนเดิม
เมื่อถึงเวลาขึ้นไปชั้นบนห้องโถงที่ไว้สำหรับธรรมพิธีแล้ว
ผู้น้อยก็ได้รับใบตารางกิจกรรมที่จะต้องทำกันกิจกรรมในครั้งที่2จะเยอะมาก
เริ่มแรกเลยก็จะเป็นการไหว้พระเช้าขอความเมตตาก่อน
และผู้อาวุโสอาจารย์ประธานพรก็ได้แนะนำว่ากิจกรรมที่ต้องทำนั้นมีอะไรบ้างและได้ทำการแบ่งกลุ่มล่ะ6คน
หลังจากนั้น ผู้อาวุโสคุณอรรจนาก็ได้มากล่าวอธิบายถึงการกราบไหว้พระ
เท่าที่ผู้น้อยจำได้ ผู้อาวุโสอธิบายถึงการกราบไหว้ต้นไม้
ซึ่งจริงๆแล้วใครจะรู้ว่าต้นไม้ที่เรากราบไหว้อยู่นั้น
ที่มาของการกราบไหว้มันคืออะไร แค่เราเห็นมีคนไหว้กันมีคนบอกต่อๆกันมาเราก็ไปกราบไหว้กันตามเขาพูดเห็นเขาวางพวงมาลัยไว้เราก็คิดมาต้นไม้ศักสิทธิ์แต่เบื้องหลังอาจจะมากจากคนเอาพวงมาลัยมาทิ้งไว้แค่นั้นเอง แต่แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล
หลังจากผู้อาวุโสคุณอรรจนาบรรยายจบ ผู้น้อยก็ได้รับฟังคำบรรยายจากผู้อาวุโสดร.นิพนธ์
เกี่ยวกับเรื่องIQ,EQ กล่าวรวมๆก็คือการ Format จิต Delete
อารมณ์ “จิตเป็นผู้รู้ อารมณ์เป็นสิ่งที่ถูกรู้”
หลังจากนั้นผู้น้อยและเพื่อนๆก็ลงไปนั่งพักรับประธานอาหารกลางวัน
และขึ้นมาฟังชีวิตการรับธรรมมะของผู้อาวุโสน้องไข่ตุ๋น ผู้อาวุโสได้เล่าถึงชีวิตหลังจากได้รับธรรมมะไป
ทำให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนนอบน้อมกราบไหว้ผู้ใหญ่
จากที่เป็นคนไม่ค่อยไหว้ผู้ใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นนอบน้อมมากขึ้น
และสิ่งที่ผู้อาวุโสอยากจะทำต่อไปคืออยากให้พ่อแม่ที่อุดรฯ
มารับธรรมมะอย่างที่ผู้อาวุโสได้มารับ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเนื่องจากอยู่ไกล แต่สุดท้ายผู้อาวุโสก็ยืนยันว่าจะต้องพาคนที่รักมารับธรรมมะที่สถานธรรม
มูลนิธิธรรมกิจไพศาลนี้ให้ได้
หลังจากที่ฟังการบรรยายจบก็ถึงเวลาทีผู้น้อยชอบและประทับใจมากที่สุดคือการเล่นเกมส์สำนึกคุณ
ก่อนจะเล่นเกมส์นั้นผู้น้อยก็มีโอกาสได้ทำประโยชน์ส่วนรวมด้วยการยกเก้าอี้ช่วยจัดสถานที่
การเล่มเกมส์ก็จะให้รวมกลุ่มกันและจับคู่คนหนึ่งต้องปิดตาและอีกคนหนึ่งต้องเป็นผู้นำทางพาคนถูกปิดตาเดินให้ถูกแต่ผ่านอุปสรรคไปให้ได้
เป็นเกมส์ที่สร้างความสามัคคีแต่ทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ
หลังจากเล่มเกมส์กันเสร็จแล้วตัวแทนแต่ล่ะกลุ่มก็ออกไปกล่าวความประทับใจในการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้
เมื่อจบกิจกรรมเสร็จทั้งหมด
ผู้น้อยจึงได้เรียนรู้หลายอย่างจากที่เราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จัก
ผู้น้อยก็ได้รู้จักมัน
หลังจากผู้น้อยได้ผ่านการทำกิจกรรมมาแล้วสิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือความประทับใจที่ผู้น้อยได้รับจากมูลนิธิแห่งนี้และจากอาจารย์ประทานพร
ผู้น้อยจะไม่ลืมเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น