วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความประทับใจ การรับธรรมมะ ณ มูลนิธิธรรมกิจไพศาล

ความประทับใจ การรับธรรมมะ ณ มูลนิธิธรรมกิจไพศาล



      ก่อนอื่นเลย เมื่อเข้าไปในการรับธรรมมะเราจะต้องเรียกตัวเราเองว่า”ผู้น้อย” และเรียกผู้อื่นว่า”ผู้อาวุโส” ข้าพเจ้าขออนุญาตเรียกตัวเองว่า”ผู้น้อย”ในการเรียบเรียงความประทับใจในการรับธรรมมะ
       เนื่องจากในครั้งแรกที่ผู้น้อยได้ไปที่มูลนิธิ ผู้น้อยรีบไปมากจึงไปถึงที่มูลนิธิประมานตี5ครึ่งยังไม่6โมงดี ผู้น้อยและเพื่อนๆได้ไปกดกริ่งเพราะว่าประตูมูลนิธิยังไม่เปิด เนื่องจากยังจัดเตรียมสถานที่ไม่เสร็จดี ทางมูลนิธิก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีด้วยการจัดแจงเตรียมเครื่องดื่มและขนมปังรองท้องให้ผู้น้อยและเพื่อนๆได้ทานกัน เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนมาพร้อมกันแล้วก่อนที่จะขึ้นไปรับธรรมมะ ทางมูลนิธิได้ให้พวกเราเรียงแถวเพื่อลงทะเบียนและมีผ้าเย็นมาเช็ดมือ(คิดในใจ จะสะอาดอะไรขนาดนี้..) เมื่อทำการลงทะเบียนเสร็จเราก็ได้ทานของว่างอีกก๊อก2 อิ่มมากกกขอบอก เมื่อถึงเวลาที่เข้าพิธีธรรมมะสิ่งแรกที่ผู้น้อยคิดคือ สถานที่ทำพิธีดูแปลก ผู้น้อยไม่เคยเห็นการทำพิธีแบบนี้มาก่อน และเมื่อเริ่มทำพิธีก็ยิ่งประหลาดใจเพราะพิธีรับธรรมมะแบบนี้ผู้น้อยไม่เคยได้ทำมาจากที่ไหนเลย ทั้งการไหว้ กับคำนับ หรือคำกล่าวรับธรรมมะ การรับธรรมมะในครั้งแรกเป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้น้อยเป็นอย่างมาก เมื่อทำพิธีการเสร็จผู้น้อยก็ได้ทานอาหารมังสวิรัติ คือข้าวหมูแดงเจ เป็นอาหารที่ถูกปากสำหรับผู้น้อยมาก คนอื่นอาจจะไม่ชอบแต่ผู้น้อยชอบมากฟั๊ดไป2จาน พอทานเสร็จก็มีแจกแอปเปิ้ลกันก่อนกลับและไปรับบัตรรับธรรมมะ ตอนกลับทางมูลนิธิก็จัดรถตู้ไปส่งผู้น้อยและเพื่อนๆ เป็นการรับธรรมมะครั้งแรกที่ผู้น้อยประทับใจมาก J








การมาเยือนมูลนิธิกิจไพศาลครั้งที่2 ผู้น้อยมาทำการอบรมธรรมชั้นธรรมกระจ่าง ครั้งนี้การต้อนรับจากมูลนิธิก็ยังต้อนรับได้ดีเหมือนเดิม เมื่อถึงเวลาขึ้นไปชั้นบนห้องโถงที่ไว้สำหรับธรรมพิธีแล้ว ผู้น้อยก็ได้รับใบตารางกิจกรรมที่จะต้องทำกันกิจกรรมในครั้งที่2จะเยอะมาก เริ่มแรกเลยก็จะเป็นการไหว้พระเช้าขอความเมตตาก่อน และผู้อาวุโสอาจารย์ประธานพรก็ได้แนะนำว่ากิจกรรมที่ต้องทำนั้นมีอะไรบ้างและได้ทำการแบ่งกลุ่มล่ะ6คน หลังจากนั้น ผู้อาวุโสคุณอรรจนาก็ได้มากล่าวอธิบายถึงการกราบไหว้พระ เท่าที่ผู้น้อยจำได้ ผู้อาวุโสอธิบายถึงการกราบไหว้ต้นไม้ ซึ่งจริงๆแล้วใครจะรู้ว่าต้นไม้ที่เรากราบไหว้อยู่นั้น ที่มาของการกราบไหว้มันคืออะไร แค่เราเห็นมีคนไหว้กันมีคนบอกต่อๆกันมาเราก็ไปกราบไหว้กันตามเขาพูดเห็นเขาวางพวงมาลัยไว้เราก็คิดมาต้นไม้ศักสิทธิ์แต่เบื้องหลังอาจจะมากจากคนเอาพวงมาลัยมาทิ้งไว้แค่นั้นเอง  แต่แล้วมันก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคล หลังจากผู้อาวุโสคุณอรรจนาบรรยายจบ ผู้น้อยก็ได้รับฟังคำบรรยายจากผู้อาวุโสดร.นิพนธ์ เกี่ยวกับเรื่องIQ,EQ  กล่าวรวมๆก็คือการ Format จิต Delete อารมณ์ “จิตเป็นผู้รู้ อารมณ์เป็นสิ่งที่ถูกรู้” หลังจากนั้นผู้น้อยและเพื่อนๆก็ลงไปนั่งพักรับประธานอาหารกลางวัน และขึ้นมาฟังชีวิตการรับธรรมมะของผู้อาวุโสน้องไข่ตุ๋น ผู้อาวุโสได้เล่าถึงชีวิตหลังจากได้รับธรรมมะไป ทำให้เปลี่ยนตัวเองเป็นคนนอบน้อมกราบไหว้ผู้ใหญ่ จากที่เป็นคนไม่ค่อยไหว้ผู้ใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นนอบน้อมมากขึ้น และสิ่งที่ผู้อาวุโสอยากจะทำต่อไปคืออยากให้พ่อแม่ที่อุดรฯ มารับธรรมมะอย่างที่ผู้อาวุโสได้มารับ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสเนื่องจากอยู่ไกล แต่สุดท้ายผู้อาวุโสก็ยืนยันว่าจะต้องพาคนที่รักมารับธรรมมะที่สถานธรรม มูลนิธิธรรมกิจไพศาลนี้ให้ได้ หลังจากที่ฟังการบรรยายจบก็ถึงเวลาทีผู้น้อยชอบและประทับใจมากที่สุดคือการเล่นเกมส์สำนึกคุณ ก่อนจะเล่นเกมส์นั้นผู้น้อยก็มีโอกาสได้ทำประโยชน์ส่วนรวมด้วยการยกเก้าอี้ช่วยจัดสถานที่ การเล่มเกมส์ก็จะให้รวมกลุ่มกันและจับคู่คนหนึ่งต้องปิดตาและอีกคนหนึ่งต้องเป็นผู้นำทางพาคนถูกปิดตาเดินให้ถูกแต่ผ่านอุปสรรคไปให้ได้ เป็นเกมส์ที่สร้างความสามัคคีแต่ทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ หลังจากเล่มเกมส์กันเสร็จแล้วตัวแทนแต่ล่ะกลุ่มก็ออกไปกล่าวความประทับใจในการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ เมื่อจบกิจกรรมเสร็จทั้งหมด ผู้น้อยจึงได้เรียนรู้หลายอย่างจากที่เราไม่เคยรู้ไม่เคยเห็นไม่เคยรู้จัก ผู้น้อยก็ได้รู้จักมัน หลังจากผู้น้อยได้ผ่านการทำกิจกรรมมาแล้วสิ่งที่ยังเหลืออยู่ก็คือความประทับใจที่ผู้น้อยได้รับจากมูลนิธิแห่งนี้และจากอาจารย์ประทานพร ผู้น้อยจะไม่ลืมเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น